วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

หนอนแก้วนอกรังไหม

"จะบอกว่าฉันไม่เหมาะกับฮิคารุหรือไง?"
"นายก็ชอบหนีไปทำงานเหมือนกัน แล้วนี่อะไร พวกนี้เป็นใคร"
"ห้ามร้อง หยุดร้องเดี๋ยวนี้"
"ไม่ได้ทะเลาะ"
"ไม่เอา ปล่อยยย ฉันจะอยู่กับฮิคารุ"
"ฉันไม่ได้จะเลิก"
"ก็บอกว่าไม่ได้จะเลิก"
"ต่อให้หมอนั่นจะอยากทิ้ง ฉันก็จะไม่เลิก"
"ฉันไม่มีวันเลิกกับฮิคารุ!!"

เสียงหัวเราะสนุกสนานรอบกายไม่อาจกลบเสียงในหัวที่ยังดังวนเวียนน่ารำคาญเหมือนแมลงวันตัวจ้อยซึ่งเอาแต่บินตอมหึ่งรอบหู  ไม่ว่าจะพยายามปัดหรือตามตบอย่างไรก็ไล่มันไปไม่พ้น

"เพราะงั้นถึงไม่กอดฉันแล้วสินะ"
"ก็ไปหาอายะจริงๆ ฉันเขียนคำว่า เลิก ไว้หรือไง"
"นายยังอึดอัดเวลาอยู่กับฉันหรือเปล่า"
"เวลาที่ฉันทำตัวไร้เหตุผลด้วยน่ะเหรอ?"

"ฉันมันไร้ประโยชน์ ไม่ควรรั้งนายกลับมาเลย"
"ทำอะไรก็ไม่ดี.. ดูแลก็ไม่ได้.."
"เป็นแฟนที่ไม่ดี.."
"เอาแต่เกาะนายกิน"
"เคยเสียใจบ้างมั้ยที่มารักคนแบบนี้.."

อา..ความคิดพวกนี้ ฉันพร่ำพูดอะไรออกไป ตอนนั้นหมอนั่นทำหน้ายังไงนะ.. ในใจจะเริ่มรำคาญกันแล้วหรือยัง?

"ฉันไม่ไปไหน..อีกแล้ว.. ฮึก..นายไม่ต้อง.."
"ไม่บอก..รักก็ได้.. จะไปหาคนอื่น..เวลาป่วย..ก็ได้..แต่ว่า"
"ให้ฉันได้อยู่..ฮึก.."
"ขอโทษ.."
ทำไม่ได้หรอก.. สัญญาอะไรแบบนี้ไป ฉันน่ะ..อยากได้ยินคำบอกรักพอๆกับจังหวะเต้นของหัวใจ  อยากเก็บนายไว้คนเดียว  ยิ่งตอนอ่อนแอหรือตอนป่วยด้วยแล้ว.. ถึงไม่ใช่หมอ แต่ให้ฉันอยู่ข้างๆในเวลาแบบนั้นก็ไม่ได้เลยหรือไง?

"ไม่เอา.."
"ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย.. ฉันไม่ไป..ไหนอีกแล้ว.."
"ถึง..ต้องเป็น.. คนเห็นแก่ตัว..มากกว่านี้.."
"ฉันไม่ไป.."
"ไม่มีฮิคารุ..ไม่ได้"
"ฮิคารุ..อยู่ด้วยกันตลอดไป..ได้มั้ย.."
บอกแล้วว่าฉันมันเห็นแก่ตัว.. คำพูดตัวเองยังแย้งเองเลย นายจะทนกับคนแบบฉันได้ขนาดไหนเชียว ตลอดไปน่ะ..มันไม่มีจริงหรอก
"ได้เจอสิ.. ฉันไม่ไปไหน จะอยู่ตรงนี้"
"จูบอรุณสวัสดิ์.. "
"ครั้งนี้ฉันจะจูบนายเอง"
"เพราะงั้นนอนซะเถอะนะ"
จูบอรุณสวัสดิ์ที่สัญญาไว้  สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ.. ไม่มีอีกแล้ว.. ฉันนี่มันจะไม่ได้เรื่องไปถึงเมื่อไหร่
"...."
"ฉันจะหางานทำ"
"ไม่อยากให้ฮิคารุลำบาก.."
"อืม.. ไม่หึง..จะพยายามไม่หึง.."
"จะไม่ทำตัวงี่เง่าให้นายเหนื่อยใจอีกแล้ว"
ไม่มีงานทำ.. แถมยังทำชีวิตนายวุ่นวายหนักกว่าเดิม.. ลากไปนั่นมานี่จนหัวปั่น.. ลมปากของฉันมันก็แค่ลมจริงๆ

“ก็อยากอ้อนคนรักที่ไม่ได้เป็นโฮโมบ้าง
"ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบนี่.."
"ถึงหนักร้อยตันฉันก็ชอบนาย.."
ใช่..ฉันรักนายมาก จนมองไม่เห็นอะไรเลย

“ฮิคารุ.. ฉัน.. นายจะไม่กลับบ้านจริงๆเหรอ.. แล้วจะไปนอนที่ไหน.."
"เหรอ.. ถ้าจะให้ไปรับโทรมาบอกนะ.. ฉันคิดถึงนาย"
"...ฉัน.. คิดถึงนายนะ.."
"ฉันจะไม่หนีไปไหน..  จนกว่านายจะเสร็จธุระ.. ช่วยรับสายนะ.. ฉันจะพยายามไม่โทรไปกวนบ่อย.."
"อือ.. แล้วจะโทรหาใหม่นะ.. อย่าดื่มอย่างเดียวกินกับแกล้มด้วยล่ะ.. ใส่เสื้อให้อุ่นๆตอนไปหาร้านใหม่ด้วย.."
"ฮึก... อือ..ถ้างั้นฉันไม่กวนแล้ว.. ทำธุระต่อเถอะนะ.. ..ล..แล้วเจอกัน.."
มองไม่เห็นว่าตัวฉันมัน เริ่มทำตัวจุ้นจ้านขนาดไหน  ผูกมัดนายไว้กับตัวจนแทบไม่มีที่ให้หายใจ จนนายต้องออกไปหายใจที่อื่น

เมื่อก่อนเวลาที่ฉันเดินหนีนายจะเดินตาม
แต่ตอนนี้กลับมีแค่ฉันที่เป็นฝ่ายวิ่งตามไปกอดรั้งเอาไว้….
"แสดงว่าถ้าเป็นตอนกลางวันก็จะไปงั้นเหรอ.."
"ไม่ให้ไป ฮิคารุเป็นของอากิคนเดียว.."
"ขอโทษ.. ฉันจะไม่พูดประชดแล้ว.."

ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
แต่ฉันกลับไม่รู้..  ควรจะทำตัวยังไง จะดื้อรั้นต่อ? หรือจะทำตัวสงบเสงี่ยม?
ควรจะขอร้องให้อยู่เหมือนเดิม หรือปล่อยให้เดินออกไป...
ไม่อยากทำให้รู้สึกโกรธ รำคาญ หรือเริ่มคิดว่าฉันเป็นตัวเกะกะ
พอเริ่มคิดแบบนั้น
พวกเราก็แทบจะไม่ได้เปิดปากคุยกัน...

เพราะทุกครั้งที่เริ่มถามซอกแซกสิ่งที่ได้รับกลับมาคือการบ่ายเบี่ยง
มีแต่ความเงียบ.. ที่ไม่มีวันเข้าใจ

บางทีฉันคงจะโง่เกินไป
ที่จะเข้าใจความคิดคนที่ตัวเองรัก

"...ฉัน.. คิดถึงนายนะ.."
คิดถึงจนทรมาน รู้บ้างหรือเปล่าว่าฉันแทบจะขาดใจตายอยู่แล้วถึงพูดประโยคนี้ออกมาได้...
ไม่ว่านายจะอยู่หรือไม่ความรู้สึกนี้ก็ไม่ลดลงเลย ต้องทำยังไง หรือต้องเป็นฉันที่เป็นฝ่ายหายไปถึงจะหยุดมันได้
ใครก็ได้..
ช่วยมาทำลาย
บดขยี้จนไม่เหลือกซาก
ให้ฉันหลุดพ้นจากความรู้สึกพวกนี้เสียที...

"อากิ-ซัง...."
“ฮินะ.. ง่วงเหรอ?
"อืม...."

เสียงรายรอบดังแทรกขึ้นมา เสียงของสายลมที่กำลังพัดพากลีบซากุระปลิดปลิวหลุดจากกิ่งก้าน เสียงผู้คนพูดคุยสนุกสนาน ความวุ่นวายเล็กๆที่อบอุ่น และ..เสียงของผม

"อย่าเพิ่งไป.."

คำอ้อนวอนอ่อนล้าดังลอดออกมาจากริมฝีปากราวกับไม่ใช่เสียงของตัวเอง สัมผัสนิ่มนวลที่หัวไหล่ ช่วยกระตุ้นเตือนว่าผมยังมีตัวตนอยู่ในที่แห่งนี้

หืม..ที่นี่มัน..

พอลองขยับตัวดูถึงรู้ว่ากำลังนอนหนุนตักหญิงสาวผิวเข้มอยู่
ความชื้นที่หางตาบอกเป็นนัยว่าถ้ายังนอนซุกตักสาวเจ้าต่อไป คงได้เผลอปล่อยโฮออกมาแน่ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายพุ่งมาหนุนตักแบบเอาแต่ใจเองแท้ๆ  แต่ว่าถ้าจะลุกเลยทั้งที่เพิ่งพูดอะไรแบบนั้นออกไปคงจะดูแปลกๆ ยังไงภาพลักษณ์ของผมมันก็เป็นพวกตัวป่วนอยู่แล้ว ถ้างั้น..

"ขออยู่ตรงนี้ตลอดไปเลย..ได้ไหมครับ.."
ตักที่หนุนอยู่สั่นขึ้นนิดๆ ตอนนี้เธอกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ผมพอจะเดาออกได้ไม่ยากเลย ถึงอย่างนั้น มือบางกลับยังลูบไหล่ของผมไม่หยุดราวกับจะกล่อมให้หลับเสียตรงนี้..

“ใจดีจังเลยนะครับ คุณผู้หญิง"

เป็นฝ่ายผมที่ทนต่อไปไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาเสียเอง
ต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ผมจะแหลกสลายลงตรงนี้ต่อหน้าเธอ  อย่างน้อย..ถ้าเป็นไปได้ ผมก็ไม่อยากทำลายความสงบสุขของผู้คนที่นี่ลง..

"ระวังจะถูกคนนิสัยไม่ดีหลอกเอานะ" ริมฝีกปากยื่นไปหอมแก้มขอบคุณสาวเจ้าอย่างรวดเร็ว มือเอื้อมคว้ากระเป๋ากีตาร์ใกล้ตัวไปด้วย

จังหวะที่ตั้งใจจะชิ่งหนีออกมา เจ้าพ่อบ้านเก๊ คุโระ เพื่อนสนิทตัวดีกลับเข้ามาเขกหัวผมซะก่อน
"ทำไมอยากให้ฉันหอมด้วยหรือไง" พอแกล้งทำท่าจะหอมหมอนั่นกลับโดนมือยันหน้ากลับมาซะได้

“ตลกน่ะ..  ไว้นายเป็นอายะก่อนเหอะแล้วค่อยว่ากัน
ฮ่ะๆ นั่นสิ ถ้าเป็นอายะนายคงยอมให้หอมซ้ายหอมขวาเลยล่ะสิ

"ฉันกลับล่ะ ขอบใจที่ชวนมา วันนี้อร่อยมากเลย" ผมหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกก่อนยื่นมือไปแตะแก้มหนุ่มหน้าหวาน ที่เป็นคนทำอาหารกว่าครึ่งมาแจมในงานเลี้ยงนี้  ซึ่งผมมาอาศัยกินอิ่มโดยไม่ได้เอาอะไรมาเลย

“อ้าว กลับแล้วเหรอ ทำไมกลับไวจัง? สายตาคุโระจับจ้องมาที่กระเป๋ากีตาร์ “ ไปเล่นดนตรีเหรอ?

ไม่ทันที่จะได้ตอบคำถาม เสียงดังอย่างตื่นตระหนกดังขึ้นราวกับหล่อนเพิ่งหลุดจากอาการตกตะลึง

"อากิ-ซัง!" อีฟตีเข้าที่แขนผม แก้มนวลขึ้นสีแดงเรื่อ

"อีกข้างไว้โอกาสหน้าผมจะกลับมาเอานะครับ" มือชี้แก้มหญิงสาวข้างที่ไม่ได้ถูกหอมก่อนขยิบตาให้ แล้วรีบหันไปคุยกับคุโระให้จบ "ก็ทำนองนั้น"

"กลับซะแล้ว ไว้วันหลังเราตามไปฟังอากิเล่นดนตรีกันไหมคะ?" เสียงมี่จังดังขึ้น เธอไม่ได้ถามผมแท้ๆ แต่เพราะความมึน ผมก็ดันตอบกลับไป "ด้วยความยินดีครับ อย่าลืมทำป้ายไฟให้ผมด้วยนะ"

พอเห็นสีหน้าเธอ ผมถึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองพูดสอดเข้าไปซะแล้ว เลยทำได้แค่หัวเราะแก้เก้อ

“อือฮึ.. งั้น...กลับดีๆนะ ดีใจที่ได้เจอนายวันนี้” คุโระพูดขึ้นพร้อมกับมือเรียวที่ขยี้ผมหยักศกของผมให้ยุ่งเหยิงเช่นเคย
......
ถ้าเป็นหมอนี่ ผมจะแบ่งปันความทรมานนี้ให้รู้ได้หรือเปล่า?.. ฉันจะแหลกสลายลงต่อหน้านายได้ไหม?
จะร้องขอให้นายทำลายฉันลงได้หรือไม่..

ฮ่ะๆ ใครจะไปทำแบบนั้นได้ลง เวลาสุขฉันไม่เคยแบ่งปัน ยามทุกข์จะไปรบกวนได้อย่างไร ยามนายทุกข์ฉันยังไม่เคยได้เข้าไปช่วยปลอบใจอะไรเลย..
ทางที่ดีสุด คงต้องเอาความทรมานพวกนี้เดินออกมาห่างจากพวกเขาให้ไกลที่สุด

"เจ้าของนายอยู่ในวงนี้ด้วยหรือเปล่า?" ผมเลือกปิดบังความรู้สึกตัวเองด้วยการถามสิ่งที่คาใจแต่ไม่ได้คำตอบเสียทีนั้นแทน
คุโรยกยิ้มที่กวนพอๆกับคำตอบนั้น “หืม... ก็ลองเดาดูสิ ... อาจจะมาด้วย หรืออาจจะไม่ว่างมาก็ได้นะ

“หืม..” ผมหรี่ตามองคนทำตัวมีเลศนัย ท่าทางมั่นใจแบบนี้ เจ้าของหมอนี่ต้องมาด้วยแน่ๆ

ตอนที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อดมกลิ่นคุโระเพื่อนำไปหาตัวเจ้าของ มี่จังก็ตะโกนขึ้นมาพอดี
"ฮัล...เลลูย่า!!!"
แปล๊บ..
ความรู้สึกปวดมึนตั้งแต่นอนหนุนตักอีฟกลับมาเล่นงานอีกครั้งตามเดซิเบลเสียงที่เปลี่ยนไป

“มิโดริซัง?
"ขาาาาาา มี่จังเองค่า เนี้ยว!"
เสียงแหลมแสบแก้วหูยิ่งทำให้ในหัวปวดจี๊ดหนักกว่าเดิม จนทำได้เพียงแค่ยกมือโบกลาแบบขอไปที
"เอาเป็นว่า.. บายๆ..ทุกคน"
หลังจากโบกมือลาทุกคน ผมก็ไม่รับรู้อะไร สองขาพาออกก้าวเดินไปราวกับมันทำงานได้เองโดยที่ผมไม่ต้องสั่งการ
ภาพผู้คนที่กำลังยกมือโบกลาตอบผ่านตาไปเหมือนเป็นแค่แผ่นฟิลม์ในม้วนหนัง

เจ็บ..อึดอัด..
คิดถึง.. ทรมาน.. ไม่ไหวอีกแล้ว..
“ฉัน..คิดถึงนายนะ..”
ดวงตาพร่าเลือน  ร่างกายเซรวนราวกับไร้กระดูก
“..ของอากิคนเดียว!...”
แต่ละก้าวเดินติดขัดจนแทบขยับไม่ออก
“..นายจะไม่กลับบ้านจริงๆเหรอ?..”
ลำไส้บิดมวน จนทรงตัวแทบไม่อยู่
“..อากิรัก..ฮิคารุนะ..”

“อ่อก..กก..”
กระเพาะที่เต้นตุบๆไม่หยุดตลอดทางส่งของที่เพิ่งลงไปนอนค้างตีกลับออกมา อาหารทั้งหมดที่ผมกินตอนอยู่ในงานเลี้ยงแบบไม่ได้สนลิมิตของตัวเองทยอยออกมานอนแผ่นกระจายเต็มพื้นกับผนังที่ผมใช้มือยันพยุงตัวอยู่
“โอ้ก...ก..”
สองขาอ่อนแรงจนต้องลงไปนั่งยองกับพื้น ปล่อยของเหลวร้อนแสบคอ ที่เป็นส่วนผสมระหว่าไวน์ สาเก และเหล้าบ๊วยออกมาตบท้าย กลิ่นเหม็นคลุ้งตีกันจนจมูกผมแทบไม่รับรู้กลิ่นอื่นใดอีกแล้ว
จังหวะที่ผมกำลังจะทิ้งตัวนอนลงมันเสียตรงนี้ เสียงแสบแก้วหูที่พอๆกับเสียงมี่จังก็ดังขึ้น

"เฮ้!!! นายน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้!! เวรชั้นเคลียร์ร้านซะด้วยสิ"

ปวดหัวเป็นบ้า.. จะทำให้ฉันปวดหัวอีกเท่าไหร่ถึงจะพอใจ

ภาพชายหนุ่มตรงหน้าพร่ามัวจนมองเค้าโครงหน้าไม่ออก

พูดตอบรับอะไร ทำอะไรลงไปบ้าง..ผมเองแทบจะไม่รู้ตัว มีเพียงสองขาที่ก้าวตามการชักนำของอีกฝ่าย
กับฝ่ามืออุ่นที่ประคองลูบหลังจนความรู้สึกคลื่นไส้เริ่มจางหายไป

“มันมีรสอะไรด้วยหรือไง?” ผมจ้องมองแก้วที่ตัวเองเพิ่งกระดกรวดเดียวจนหมด
“มะนาวสองลูกได้.. แต่ไม่รู้สึกก็ดีแล้วไง”
“ก็ดีขึ้น..”หัวเริ่มปวดแปล๊บจนต้องยกมือขึ้นกุม

พอรู้สึกตัวผมก็เข้ามานอนที่โซฟาตัวยาวเสียแล้ว ดูเหมือนว่าที่ๆผมมาอ้วกทิ้งไว้เมื่อกี้จะเป็นหน้าผับที่ไหนสักแห่งที่หมอนี่..ซึ่งน่าจะเป็นพนักงานร้านกำลังทำความสะอาดอยู่

ถึงอย่างนั้นกลับให้ขี้เมาอย่างผมเข้ามาพักหลังร้านแถมยังเอาน้ำมะนาวมาให้ดื่มแก้เมาเสียอีก

จะใจดีเกินไปแล้วนะ..อย่าใจดีกับคนแปลกหน้าง่ายๆแบบนี้สิ..

หมอนี่เริ่มจุดบุหรี่สูบ กลิ่นเหม็นที่คุ้นเคยลอยอบอวลไปทั่ว ท่าทางการถือบุหรี่แบบนั้น..ทำให้ภาพใครบางคนที่จางหายไปกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง
......
ถ้าเป็นคนที่เพิ่งช่วยเหลือผม.. จะทำลายผมลงได้ไหมนะ..
แค่ลองดู..ก็แค่ลอง..
กับคนเมาที่เริ่มตั้งท่าจะลวนลามถ้าหมอนี่ไม่ชอบใจคงถีบหัวส่งออกจากร้านไปเอง

ในหัวมึนตื้อ มือขยับไปแย่งบุหรี่จากมืออีกฝ่าย
ปากพร่ำพูดไปเรื่อย
ก็แค่อยากหาข้ออ้างดีๆ
ข้ออ้างแค่เพียงข้อเดียว..ที่ทำให้เขาอยากบดขยี้ผม
ก็แค่ข้ออ้างสักข้อ..

"เกณฑ์นายคืออะไรเหรอ?" คำถามจากผู้ช่วยชีวิตตีกลับมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้
อา..ผมเริ่มหมดแรงจะเล่นถามตอบแล้ว  ถ้าหมอนี่จะไม่อยากทำจริงๆก็ช่างเถอะ..
"หน้าตาดี" คำตอบถูกตอบไปส่งๆ มือที่ไล้เลื่อนตามตัวอีกฝ่ายหวังจะกระตุ้นอารมณ์สักนิดก็ยังดี แต่กลับไม่ได้ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกอะไรเลยเริ่มหมดแรงจนทำได้เพียงแค่จับค้างไว้ที่ขอบกางเกง
"เกณฑ์ของชั้น...หอมสะอาดน่ะ"
มือแกร่งจับเข้าที่ข้อมือผม โยนผ้าเช็ดตัวให้หนึ่งผืนก่อนจับลากไปที่ห้องน้ำแล้วดันหลังให้ผมเข้าไป
......
เฮ้อ..เอาเถอะ อย่างน้อยหมอนี่ก็ยังมีแก่ใจให้คนเมาอย่างผมได้ล้างเนื้อล้างตัวก่อนกลับบ้าน ไว้จะมาอุดหนุนเครื่องดื่มเป็นการตอบแทนวันหลังก็แล้วกัน
“หอมเมื่อไหร่ไว้มาตัดสินฉันใหม่ล่ะ” ผมขยิบตาให้เป็นการทิ้งทวนแบบกวนๆตามความเคยชินก่อนงับประตูปิดลง
จบแล้วเหรอ.. แม้แต่ยั่วพวกที่ดูน่าจะตะครุบเหยื่อง่ายๆฉันยังทำไม่ได้เลย
ไหล่ตกลู่อย่างไร้เรี่ยวแรง
ความรู้สึกอึดอัด ทรมานกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างไร้ก้นบึ้ง
อย่างน้อยความผิดหวังนี้..ก็น่าจะช่วยให้ลืมความทรมานพวกนั้นไปได้สักพัก..

แต่ไม่ทันจะได้จมดิ่งกับความว่างเปล่าไปมากกว่านี้ เสียงกดล็อคประตูก็ดังขึ้น พร้อมๆกับความรู้สึกเปียกชุ่มทั้งตัวจากฝักบัวที่ถูกเปิดอย่างกะทันหัน และจูบเร่งร้อนแบบไม่ทันตั้งตัว
ความรู้สึกอุ่นซ่านแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นภายใน มันเริ่มขยายตัวขับไล่ความว่างเปล่าที่มีออกไป
รสจูบที่ราวกับมือที่เข้ามาฉุดรั้งผมขึ้นไป หรืออาจเป็นมือที่เข้ามาตบหน้าแรงๆสักครั้งให้คืนสติ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนผมก็ตอบรับสัมผัสอย่างยินดี

มุมปากขยับยิ้มเองตามธรรมชาติ 
"ไหนบอกต้องหอมสะอาดก่อนไง?"


...................................................


พาร์ทหน้า.. ทีบีซีย์...
-มีฟิคเจี๊ยบหนอนแล้ว ต่อไปเป็นโรบอทเกิร์ล /เอาให้จบสักอันก่อนดีมั้ย /ซับ

1 ความคิดเห็น: